“เจโอ” รัชเดช เครือทิวา
นักกีฬาบาสไทยที่ดีที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในยุคหนึ่ง
คนไทยคนแรกและคนเดียวที่มีโอกาสไปเล่นบาสอาชีพที่สหรัฐอเมริกา
ทุกคนที่คลุกคลีกับวงการบาสเกตบอลไทย
ต้องคุ้นหน้าคุ้นตาคุ้นหูกับผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี
เขาติดทีมชาติมาหลายชุดต่อหลายชุดด้วยกัน
เป็นตัวเด่นประจำสโมสรของทิวไผ่งามมาโดยตลอด ปัจจุบันเล่นให้กับต้นสังกัดทีม โมโน
แวมไพร์หลายคนรู้จักเขาในชื่อ เจโอ
บ้างก็ในชื่อ โอม หรือ เจ้าโอม หรือ เติ้ล หรือ ไอ้เหนียว ไม่ก็ในนาม ปรัชญา
เครือทิวา
รัชเดช เครือทิวา เป็นคนที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ในวงการบาสทุกระดับ
มาตั้งแต่วัยเยาว์ ไม่ว่าจะสมัยที่เรียนอยู่ โรงเรียนทิวไผ่งาม หรือ มหาวิทยาลัย
ศรีนครินทร์วิโรฒ หรือ สมัยที่เล่นให้กับสโมสรทิวไผ่งามเจโอพาทีมคว้าแชมป์มานักต่อนัก
เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นระดับได้รับรางวัล ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ใน การแข่งขัน ถ้วยพระราชทาน ก. กับ รายการไทยแลนด์โอเพ่น
ในสมัยนั้น รูปแบบการเล่นไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ การยิงยังคงเป็นส่วนที่สำคัญในการเล่นของเขา แต่มันมีความหลากหลายมากกว่านี้
การข้ามที่ดุเดือด การกระโดดลอยขึ้นไปยัดห่วง
การป้องกันที่ย่อลงไปแล้วขยับขาตามอย่างเหนียวแน่น คุณสมบัติของเขาก่อนหน้านี้
พร้อมแล้วที่จะเป็นเบอร์ 1 ของประเทศ ถึงขั้นที่ใครหลายๆ คน มองไว้แล้วว่า
คนนี้แหละ ที่รับสืบทอดตำแหน่งจาก ปราโมทย์ จันทรนิยม
ซุปเปอร์สตาร์บาสเอเซียชองประเทศไทย
ซึ่งความแรงของ เจโอ ตอนนั้น ก็ประจวบเหมาะกับที่ สิงห์
คอร์เปอร์เรชั่น ได้รับการติดต่อเป็น ผู้สนับสนุนของลีคบาสเก็ตบอลอาชีพ
ลีคหนึ่งที่อเมริกา ชื่อว่า Premier
Basketball League (PBL) ซึ่งเงื่อนไขในการเป็นผู้สนับสนุนนั้น
ไม่มีอะไรมาก ขอเพียงแค่ทางลีคต้องมีการรับนักบาสคนหนึ่งจากไทยเข้าไปร่วมเล่นในลีกด้วย
ซึ่งเมื่อผ่านการคัดกรองอะไรทั้งสิ้นทั้งปวงออกมาแล้ว ได้ออกมาเป็น รัชเดช
เครือทิวา ที่จะได้มีโอกาสไปร่วมเล่นในลีกบาสอาชีพของอเมริกาคนแรกแห่งประเทศไทย
“พี่ไปอยู่ที่ แมรี่แลนด์ มาหรอครับ”
จริงๆ ผมก็รู้อยู่แล้วแหละ ใครที่เล่นบาสในประเทศไทย จะไม่รู้ว่า คนๆ
นี้ คือ คนที่ผ่านบาสอาชีพที่อเมริกามาแล้ว โดยไปเริ่มเล่นกับทีม แมรี่แลนด์
ไนท์ฮอว์กส์ เขาเล่นจบไปฤดูกาลหนึ่งกับทีมนี้
และถึงแม้ว่าจะไม่ได้ลงอย่างต่อเนื่อง แต่ฟอร์มก็ยังไปถูกตาถูกใจ กับ
โค้ชของอีกทีมในลีก คือ โค้ช ร็อด เบเกอร์ ของทีม รอเชซเตอร์ เรเซอร์ชาร์คส์
เบเกอร์ เป็นคนที่มีประสบการณ์ที่ค่อนข้างจะโชกโชน ในวงการ โดยตอนนี้
เป็นScout/Coach ของทีม ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตี้ซิกเซอร์ “ตอนนั้น โค้ชเบเกอร์ สนใจในตัวผม และก็ได้มีการเจรจาเทรดตัวผมไปจาก
แมรี่แลนด์ ไนท์ฮอว์กซ” หลังจากที่จบฤดูกาลแรก ทีมเรเซอร์ชาร์กส์ ได้เทรดสิทธิดราฟรอบสองของตัวเอง
ให้ ไนท์ฮอว์กส์ เพื่อให้ได้สิทธิในตัวผู้เล่นไทยคนแรกในบาสอาชีพอเมริกา “จากการที่ได้คุยกัน เขาตั้งใจที่จะใช้งานผมจริงๆ
ตั้งใจจะปั้นขึ้นมาให้ได้ ตั้งใจจะให้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ”
เจโอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความตื่นเต้นหน่อยๆ ที่ได้หวนระลึกถึงช่วงนั้น
“แต่เล่นไปได้เพียง 1 เกมกับซ้อมอีกไม่กี่ครั้ง ก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างการเล่น
และลูกสะบ้าก็หลุดออกมา”
“เอ็งลองจับเข่าพี่ดิ”
เป็นคำเชื้อเชิญที่อาจจะดูผิดวิสัยในบรรยากาศดึกๆ ดื่นๆ ในรถตู้มืดๆ
แต่ผมก็ยื่นมือจับออกไปจับเข่าเจโออย่างกลัวๆ กล้าๆ มือผมสัมผัสกับหัวเข่าที่กำลังพากงออยู่บนเก้าอี้ขอรถตู้ และ เจโอ
ก็ค่อนๆ ยืดขาให้เหยีดตรงออกไป ตัวผมเอง ก็เป็นคนที่เคยประสบอุบัติเหตุทางบาสกับหัวเข่ามาก่อน
เพราะฉะนั้นผมเองก็ค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับความ ฝืด ของข้อเข่าที่เสื่อม
แต่การที่ได้สัมผัสกับความฝืดของเข่าของ เจโอ ในวันนั้น
เป็นความรู้สึกที่ต้องรู้สึกเจ็บแทน แทบจะรู้สึกได้เลยว่า กระดูกมีการเสียดสีกันอย่างไม่มีอะไรมาขวางกั้น
“ตอนนี้เข่าพี่เรียกว่า อยู่ในระดับ 4 ละ” เจโอบอกผม
ตอนที่บรรยายเรื่องอาการบาดเจ็บ ซึ่งตรงนี้ คงหมายถึง ระดับของ
การอักเสบของลูกสะบ้า โดยที่ กล่าวไว้ว่า การอักเสบในระดับที่สี่
จะมีความเจ็บปวดขณะเล่นกีฬา และ จะไม่สามารถเล่นได้ ในระดับที่พึงพอใจ
“ตอนแรกก็ว่าจะเลิกเล่นแล้วแหละ”
จะว่าไป ผมก็ไม่ค่อยตกใจ ตอนที่ เจโอบอกกับผมว่า
เขาคิดที่จะเลิกเล่นตอนนั้น อาการบาดเจ็บที่รุนแรงแบบนั้น
เป็นอะไรที่น่าจะกระทบกระทั่งจิตใจหนักอยู่
แต่ทุกวันนี้เขาก็ยังเลือกที่จะเล่นบาสต่อไป “ถ้าคุณอยากจะเดินออกจากมันคุณจะแพ้ทันที…แต่ถ้าคุณกลับเข้าไปใหม่อย่างชาญฉลาดเรียนรู้ข้อผิดพลาด
พร้อมจะปรับปรุงและฝึกซ้อมอยากหนัก
ผมเชื่อว่าจิตใจคุณจะเข้มเเข็ง…และพร้อมจะก้าวเดินอีกครั้งนึง” เจโอ ถ่ายทอดความคิดของเขาผ่านทางเฟซบุ๊คส่วนตัว
นอกจากจะเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลอาชีพ เจโอ
ยังเคยเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยศรินครินทร์วิโรฒ (มศว.) อีกทั้ง ยังเป็น
เจ้าของร้านขายกระเป๋าที่ตลาดนัดสวนจตุจักรอีกด้วย (ซึ่งตอนนี้พักกิจการอยู่
เนื่องจากไม่มีเวลาดูแล ในช่วงการแข่ง ABL)
“เขาเป็นคนที่รักการยิงจากก้นบึ้งของจิตใจเลยแหละ”
นี่คือสิ่งที่ คุณเพ็ญพนอ ศิริพจนากุล ภรรยาของ โค้ช เส็ง ประเสริฐ
ศิริพจนากุล
(ที่คุมทีมโมโน แวมไพร์ อยู่ตอนนี้) คุยกับผม ในวันหนึ่ง
ที่ผมไปดูการซ้อมของทีม โมโน แวมไพร์ “เวลาเขามาซ้อม เขาจะเริ่มยิงบอลตั้งแต่ก้าวเข้าในสนามซ้อม
และยังคงยิงอยู่ หลังจากที่ทุกคนเลิกซ้อม และเริ่มวอร์มดาว์นกัน” และก็เป็นไปตามที่เล่าไว้จริงๆ หลังจากที่ซ้อมวันนั้น ก็จะมี เจโอ
ซ้อมยิงอยู่ในสนาม ในรูปแบบต่างๆ หลังจากที่คนอื่นๆ
เริ่มพอกันออกไปยืดร่างกายก่อนเลิก เช่นเดียวกัน ก่อนแข่งทุกๆ ครั้ง เราจะเห็น เจโอ เป็นคนแรกๆ
ที่ลงมาในสนาม และ เขาก็จะเริ่มการวอร์มอัพท่ายิงที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองไปแล้ว
คือการยืนยิงห่างออกจากห่วงเพียงไม่กี่เซนติเมตร และใช้แรงสะบัดจากข้อมือ
ยิงไปเรื่อยๆ สลับกันสามจุด จากด้านหน้า ด้านซ้าย และ ด้านขวาของห่วง
มองแล้วรู้เลยว่า การยิงแต่ละครั้งไม่ใช่อะไรที่คนๆ หนึ่ง จะทำได้
แค่เพียง เพราะมันคือ หน้าที่ หรือ มัน คือ อาชีพ
และมันก็ไม่ใช่อะไรที่ทำเพื่อคนอื่น
มันจึงเป็นคำถามคาใจที่ผมได้ปลอดปล่อยและถามออกไปในที่สุด
ในค่ำคืนวันนั้น
“อะไรที่ทำให้พี่หลงใหลกับการยิงบาสเกตบอลครับ”
เจโอ ดูเหมือนจะคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพียงแว่บเดียวจริงๆ
ก่อนที่จะตอบผมมาว่า
“มันมีอะไรที่เอ็งชอบทำเวลารู้สึกเครียด หรือ ไม่สบายใจ
บ้างหรือเปล่าละ…” เจโอ โยนคำถามกลับมาหาผมแบบไม่ทันตั้งตัว
สิ่งที่คนเราจะเลือกทำในช่วงเวลาที่แย่แบบนั้นมันก็ควรจะต้องเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับคนนั้นจริงๆ“สำหรับพี่มันคือบาส มันคือการยิงลูกบาสนี่แหละ”